ตลาดหุ้นยุโรปปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 เม.ย.) ซึ่งเป็นการปิดตลาดเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มยานยนต์ หลังยอดขายออกมาสดใส นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินยูโรยังช่วยหนุนการซื้อขายด้วย อย่างไรก็ดีหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดยังวิตกสถานการณ์เกาหลีเหนือและซีเรีย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.19% แตะที่ 381.90 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,154.70 จุด เพิ่มขึ้น 15.35 จุด หรือ +0.13% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,348.99 จุด ลดลง 16.51 จุด หรือ -0.22% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,101.11 จุด ลดลง 0.75 จุด หรือ -0.01%
ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นยุโรปได้ปรับตัวลดลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในซีเรียและเกาหลีเหนือ ได้ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงหุ้น โดยล่าสุดมีรายงานว่านายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียและสหรัฐเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นที่สหประชาชาติ (UN) จะเข้ามาสอบสวนกรณีการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือยังเป็นปัจจัยกดดันตลาด หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เน้นย้ำว่า สหรัฐจะเข้าจัดการเกาหลีเหนือตามลำพัง หากจีนไม่ยอมให้การช่วยเหลือ
หนังสือพิมพ์โรดอง ซินมุน ของเกาหลีเหนือ รายงานว่า เกาหลีเหนืออาจทำการโจมตีสหรัฐด้วยระเบิดนิวเคลียร์ หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่ากำลังเตรียมการโจมตีเกาหลีเหนือ โดยเกาหลีเหนือจะไม่เพียงโจมตีฐานทัพสหรัฐในเกาหลีใต้ หรือในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่จะโจมตีแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มยานยนต์ โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% หลังรายงานยอดขายเพิ่มขึ้น 5.3% ส่วนหุ้นโฟล์คสวาเกน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% รับยอดขายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ส่วนหุ้นเดมเลอร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% รับกำไรพุ่งเกินคาดการณ์ตลาด