ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (13 เม.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารสหรัฐอย่าง ซิตี้กรุ๊ป และ เจพี มอร์แกน ก็ไม่สามารถช่วยกระตุ้นแรงซื้อได้ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนชะลอเทรดก่อนหยุดยาวหลายวันเนื่องในเทศกาล Easter
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 21.40 จุด หรือ -0.29% ปิดที่ 7,327.59 จุด สำหรับทั้งสัปดาห์ ดัชนีลดลง 0.3%
ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก ขณะดอลลาร์สหรัฐปรับตัวผันผวน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเตือนถึงการแข็งค่าของดอลลาร์ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดเกี่ยวกับเกาหลีเหนือก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเช่นกัน ทำให้เกิดแรงขายก่อนช่วงวันหยุดยาวในหลายตลาด
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ปธน.ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า ดอลลาร์กำลังแข็งค่ามากเกินไปในขณะนี้
ทั้งนี้ แม้ธนาคารหลายแห่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงซิตี้กรุ๊ป และ เจพีมอร์แกน เชส เปิดเผยผลประกอบที่ออกมาดีเกินคาด แต่ก็ไม่สามารถกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้
ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นจากปีที่แล้ว รวมทั้งผลประกอบการจากธุรกิจวาณิชธนกิจ
เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า ธนาคารมีรายได้ 2.56 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 6.45 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.65 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 1
ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.49 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.52 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 1
ด้านซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากรายได้จากการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในแผนกวาณิชธนกิจ และจากการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
ซิตี้กรุ๊ประบุว่า ธนาคารมีรายได้ 1.812 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 4.1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.35 ดอลลาร์/หุ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 1.776 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.24 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมด นำโดยเอชเอสบีซี ร่วงลง 1.7%, สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 1.6% รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ (อาร์บีเอส) ลดลง 1.3% บาร์เคลย์ ลบ 0.5% อย่างไรก็ดี ลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 0.3%
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆ รอยัล เมล บวก 1.2% หลังบริษัทเผยว่าได้ตัดสินใจปิดระบบบำนาญ โดยจะหยุดส่งเงินเข้าแผนบำนาญของบริษัทตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. ปีหน้า เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการคงระบบไว้
หุ้นแอสโซสิเอเต็ด บริติช ฟูดส์ พุ่ง 3.6% หลังโบรกเกอร์ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนในหุ้น
หุ้นกลุ่มโลหะมีค่าปรับตัวดีเช่นกัน เพราะได้แรงหนุนจากราคาทองที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน โดยหุ้นเฟรสนิลโล และ แรนโกลด์ รีซอร์สเซส ต่างก็พุ่งขึ้นราว 1.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง หลังราคาน้ำมันขยับลง หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วง 1.15% และ บีพี ลดลง 0.3%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนจะปิดทำการในวันศุกร์ เนื่องในวัน Good Friday และวันจันทร์เนื่องในวันหยุด Easter