ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 10 เดือนเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ประกาศจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด เพื่อเสริมสร้างอำนาจต่อรองของอังกฤษก่อนการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 180.09 จุด หรือ -2.46% ปิดที่ 7,147.50 จุด
นักลงทุนกลับเข้าตลาดอีกครั้งหลังหยุดยาวเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์ โดยภาวะการซื้อขายเมื่อวานนี้ ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลงจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ สืบเนื่องจากราคาแร่เหล็กที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 5.1% หุ้นริโอ ทินโต ลดลง 3.8% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 5.6%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันให้ทรุดตัวลงอีกในระหว่างวัน หลังนายกฯเมย์ได้ประกาศจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 มิ.ย. โดยให้เหตุผลในเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติ ซึ่งสวนทางกับท่าทีก่อนหน้านี้ที่นางเมย์เคยยืนกรานว่ารัฐบาลจะไม่ประกาศจัดการเลือกตั้งใหม่ก่อนปี 2563 ข่าวดังกล่าวได้หนุนค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินปอนด์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1.2774 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 1.2565 ดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันจันทร์ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงจากแรงกดดันของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นบีพี ร่วงลง 3.9% และหุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ ร่วง 3.1%
หุ้นจดทะเบียนที่น่าจับตา หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ร้านค้าปลีกชั้นนำของอังกฤษ เพิ่มขึ้น 1.9%