ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) จากปัจจัยการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์ ซึ่งฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ลดช่วงลบในระหว่างวันจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ซึ่งช่วยหนุนหุ้นธนาคารพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 51.55 จุด หรือ -0.71% ปิดที่ 7,237.17 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้รับปัจจัยลบจากการที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการที่รัฐบาลสหรัฐไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อเสนอการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
การแข็งค่าของเงินปอนด์ ได้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน และฉุดหุ้นบริษัทเหล่านั้นปรับตัวลงกันถ้วนหน้าเมื่อคืนนี้
หุ้นกลุ่มการเงินที่น่าจับตา หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.3% หลังธนาคารเผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2560 พุ่งขึ้นสู่ระดับ 405 ล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สืบเนื่องจากจำนวนหนี้เสียลดน้อยลง
นักวิเคราะห์มองว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นลอนดอนมีปฏิกิริยาไม่มากต่อผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ โดย ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% นอกจากนี้ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
หุ้นแอสตราเซเนก้า ขยับขึ้น 0.3% หลังร่วงลงจากรายงานผลประกอบการของบริษัท โดยผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ดังกล่าวเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 1/2560 ลดลง 17% สู่ระดับ 537 ล้านดอลลาร์