ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะขยับขึ้นในคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่สดใส
ณ เวลา 20.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 22 จุด หรือ 0.11% สู่ระดับ 20,920 จุด
บริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ป, เจเนอรัล มอเตอร์ (GM), อัลฟาเบท อิงค์ และอเมซอน ต่างเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในวันนี้
อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 รวมทั้งจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐอาจมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 0.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.2%
การขยายตัวที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 ได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายที่ซบเซาของผู้บริโภค และตอกย้ำรูปแบบการปรับตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่มักจะชะลอตัวในช่วงต้นปี
การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีการขยายตัวเพียง 0.3% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี โดยได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากกว่า 3% ในไตรมาส 2
ส่วนการใช้จ่ายของรัฐบาลลดลง 1.7% ในไตรมาส 1 โดยการใช้จ่ายด้านกลาโหมดิ่งลง 4.0% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2014
อย่างไรก็ดี การลงทุนในภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 9.1% ในไตรมาส 1 โดยได้แรงหนุนจากการขุดเจาะ และสำรวจน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบหลายปี
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว หลังจากที่พุ่งขึ้น 3.5% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2014 และมีการเติบโต 1.4% ในไตรมาส 2 และ 0.8% ในไตรมาส 1
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐและเกาหลีเหนือจะมีความขัดแย้งกันถึงขั้นรุนแรง แต่สหรัฐก็พร้อมที่จะใช้ช่องทางทางการทูต เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์เหนือคาบสมุทรเกาหลี
"มีความเป็นไปได้ ที่เรื่องนี้จะจบลงด้วยการที่สหรัฐมีความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือขั้นรุนแรง แต่เราก็อยากใช้ช่องทางทางการทูตในการคลี่คลาย แม้ว่ามันจะยากมากก็ตาม" ปธน.ทรัมป์กล่าว