ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 27.05 จุด หลังสหรัฐเผยข้อมูลศก.ซบเซา

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 2, 2017 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (1 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างที่หดตัวลงในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากข่าวที่ว่าบรรดาแกนนำในสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณบริหารประเทศจนสิ้นสุดปีงบประมาณปัจจุบันในวันที่ 30 ก.ย. ขณะที่ดัชนี NASDAQ ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงหุ้นแอปเปิล อิงค์ที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ก่อนที่ทางบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,913.46 จุด ลดลง 27.05 จุด หรือ -0.13% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,388.33 จุด เพิ่มขึ้น 4.13 จุด หรือ +0.17% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,091.60 จุด เพิ่มขึ้น 44.00 จุด หรือ +0.73%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐ ลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1.218 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากผลกระทบจากการปรับตัวลงของการก่อสร้างโครงการที่ไม่ใช่เพื่อที่อยู่อาศัย และโครงการก่อสร้างของรัฐบาล

ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.2016 และเป็นการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2015

ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ลดลง 0.1% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรก และดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2011 หลังจากขยับขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ.

ด้านผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.8 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 57.2 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 56.4

หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.3% ขณะที่หุ้นโฮม ดีโปท์ ดิ่งลง 1.2% โดยการปรับตัวลงของหุ้นทั้งสองตัวนี้ เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานข่าวที่ว่า แกนนำในสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณบริหารประเทศจนสิ้นสุดปีงบประมาณปัจจุบันในวันที่ 30 ก.ย. โดยคาดว่าทางสภาคองเกรสจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวในสัปดาห์นี้

ดัชนี NASDAQ ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นแอปเปิลปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.1% หลังจากที่ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ระดับ 147.20 ดอลลาร์ในระหว่างวัน โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นแอปเปิลอย่างคึกคักก่อนที่ทางบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 1.3% ก่อนที่เฟซบุ๊กจะเปิดเผยผลประกอบการในวันพรุ่งนี้

หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.1% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 155.35 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 2.5% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 948.43 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารและวันพุธนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ พร้อมกับจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ