ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า กรีซและสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่แก่กรีซแล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ภาคการผลิตเดือนเม.ย.ของยูโรโซนมีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.8% แตะที่ 389.53 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2558
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,250.05 จุด เพิ่มขึ้น 46.11 จุด หรือ +0.64% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,304.15 จุด เพิ่มขึ้น 36.82 จุด หรือ +0.70% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,507.90 จุด เพิ่มขึ้น 69.89 จุด หรือ +0.56%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากนายยูคลิด ซาคาโลตอส รมว.คลังกรีซ เปิดเผยว่า กรีซ และสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่แก่กรีซแล้ว
ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงการออกมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหม่ และการปฏิรูปภาษี ซึ่งรวมถึงการลดเงินบำนาญ และการปรับขึ้นภาษีทางอ้อม ขณะที่ EU จะให้เงินกู้งวดใหม่แก่กรีซ ซึ่งมีกำหนดชำระหนี้จำนวนมากในเดือนก.ค.
ทางด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) และ IMF ก็ได้ยืนยันการบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นดังกล่าวเช่นกัน
ทั้งนี้ คาดว่ารัฐสภากรีซจะลงมติต่อข้อตกลงดังกล่าวในวันที่ 13 พ.ค. ขณะที่รัฐมนตรีคลังของยูโรโซนจะประชุมกันเพื่ออนุมัติข้อตกลงนี้ในวันที่ 22 พ.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากบริษัทไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนมีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปีในเดือนเม.ย. และบ่งชี้การขยายตัวที่แข็งแกร่งขณะเริ่มต้นไตรมาส 2
ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 56.7 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 56.2 ในเดือนมี.ค. โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้การขยายตัวของภาคการผลิต
มาร์กิตระบุว่า ภาคการผลิตในประเทศส่วนใหญ่ในยูโรโซนมีการขยายตัว นำโดยเยอรมนี ซึ่งมีการเติบโตใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 71 เดือนที่ทำไว้ในเดือนมี.ค.
หุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.6% หลังจากบีพีซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 พุ่งขึ้นมากกว่าคาดในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น