ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ด้วยคะแนนเสียงที่ฉิวเฉียดเมื่อวานนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า โอกาสที่ร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภานั้น มีน้อยมาก นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบทรุดฮวบลงเกือบ 5%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,951.47 จุด ลดลง 6.43 จุด หรือ -0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,075.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.79 จุด หรือ +0.05% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,389.52 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด หรือ +0.06%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 217-213 เสียงเมื่อวานนี้ โดยร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือที่เรียกว่า "อเมริกันเฮลธ์แคร์" นั้นจะถูกนำมาบังคับใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ (Affordable Care Act) ของรัฐบาลชุดก่อน
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเผชิญอุปสรรคมากกว่าในสภาผู้แทนราษฎร โดยแกนนำของพรรครีพับลิกันต้องใช้เวลาเกือบ 2 เดือนเพื่อรวบรวมคะแนนเสียงเพื่อให้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ขณะที่มีแนวโน้มว่าวุฒิสมาชิกจะทำการแปรญัตติเนื้อหาสำคัญในร่างกฎหมายฉบับนี้
นักวิเคราะห์จากลิเบอร์ตี้วิว แคปิตอล เมเนจเมนท์ ในรัฐนิวเจอร์ซี กล่าวว่า มีโอกาสน้อยมากที่ร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเดียวกันว่า หากไม่มีการผ่านร่างกฎหมายประกันสุขภาพ ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็อาจเผชิญอุปสรรคเช่นกัน ตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.3% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ดิ่งลง 2.5% และหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 3.6%
หุ้นเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถไฟฟ้ารายใหญ่ ดิ่งลง 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่สูงกว่าการคาดการณ์
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และปรับตัวขึ้นน้อยว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐได้ชะลอตัวลงในไตรมาส 1 ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานพุ่งขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานลดลง 0.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี จากที่เพิ่มขึ้น 1.8% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.6%