ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ตลาดยังรับปัจจัยบวกจากการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่ธนาคารกลางอังกฤษจะเปิดเผยรายงานเงินเฟ้อและมติเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ตามเวลาอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 43.03 จุด หรือ +0.59% ปิดที่ 7,385.24 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวผันผวนในระหว่างวันก่อนทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า โดยหุ้นบีพีและรอยัล ดัตช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1.1% และ 1.3% ตามลำดับ จากปัจจัยบวกของราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล
หุ้นเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1.2% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ขยับขึ้น 0.8%
หุ้นบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ปรับตัวขึ้นจากอานิสงส์เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นแกล็กโซสมิธไคลน์ ผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้นแอสโซซิเอเต็ด บริติช ฟู้ดส์ ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.4%
นักลงทุนจับตาดูธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งเตรียมจะเปิดเผยรายงานเงินเฟ้อและมติเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ (ตามเวลาในอังกฤษ) โดยนักลงทุนเตรียมจับสัญญาณว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเตรียมจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้หรือไม่