ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,919.42 จุด ลดลง 23.69 จุด หรือ -0.11% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,394.44 จุด ลดลง 5.19 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,115.96 จุด ลดลง 13.18 จุด หรือ -0.22%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ โดยบริษัท Snap เปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกอยู่ที่ 149.65 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 158 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทเมซีส์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกอยู่ที่ 23 เซนต์ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 37 เซนต์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีกทั้ง 2 แห่งนี้ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย โดยหุ้นโคล์ท คอร์ป ดิ่งลง 7.8% หุ้นนอร์ดสตรอม ร่วงลง 7.6% หุ้นเมซีส์ ดิ่งลง 17% หุ้นโฮม ดีโปท์ ร่วงลงกว่า 1% หุ้น Snap ทรุดฮวบลง 21.45% และหุ้นเจซี เพนนี ร่วงลงกว่า 7%
ส่วนหุ้นสเตรท แพธ คอมมูนิเคชันส์ ร่วงลงอย่างหนักถึง 20% หลังจากสเตรท แพท คอมมูนิเคชันส์ ตกลงขายกิจการให้กับเวอไรซอน คอมมูนิเคชันส์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ และเรียกร้องให้เฟดเริ่มพิจารณาการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดหลังจากที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป
การแสดงความเห็นของนายโรเซนเกรนได้กระตุ้นกระแสคาดการณ์ในตลาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดอาจมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 83.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
นักวิเคราะห์จากเลเดนเบิร์ก ทัลแมน แอสเซท เมเนจเมนท์ กล่าวว่า ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่างเมซีส์ และ Snap ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งถือเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักของระบบเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนต่างพากันจับตารายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐอย่างใกล้ชิด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย
นอกเหนือจากยอดค้าปลีกแล้ว นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนพ.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน