ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 10 วันทำการเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) ตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปที่ปรับตัวลงจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายปฏิรูปอื่นๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หลังจากนี้
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 18.56 จุด หรือ -0.25% ปิดที่ 7,503.47 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ มีแรงเทขายของนักลงทุนภายหลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ในเวลานั้น ยุติการสอบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กับรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งต่อมานายโตมีย์ถูกปลดออกจากตำแหน่งผอ. FBI โดยที่นักวิเคราะห์มองว่า ปธน.ทรัมป์กำลังแทรกแซงการทำงานของ FBI
ล่าสุด นายเจสัน แชฟเฟตซ์ ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายตรวจสอบประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้แจ้งให้ FBI ส่งมอบเอกสาร และบันทึกการติดต่อสนทนาระหว่างปธน.ทรัมป์ และนายโคมีย์
ข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกในสถานการณ์ความไม่แน่นอนในสหรัฐ เนื่องจากปธน.อาจเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มขึ้น อีกทั้งพบกับอุปสรรคในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนการปฏิรูปภาษีหลังจากนี้ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์อาจถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งอีกด้วย
หุ้นกลุ่มธนาคารที่น่าจับตา หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 2% หลังรัฐบาลอังกฤษได้ขายหุ้นที่เหลืออยู่ทั้งหมดในธนาคารลอยด์ ส่งผลให้ธนาคารดังกล่าวถือหุ้นโดยเอกชนทั้งหมด
หุ้นบริติช แลนด์ ร่วง 3.3% หลังบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษดังกล่าวเปิดเผยว่า มูลค่าหุ้นในสินทรัพย์ของบริษัทปรับตัวลงจากแรงกดดันของราคาที่อยู่อาศัยที่ร่วงลงอย่างมาก