ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ขณะที่มีการมองกันว่า นักลงทุนมีความวิตกมากเกินไปเกี่ยวกับปัจจัยการเมืองสหรัฐ
ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,716.26 จุด บวก 52.34 จุด หรือ 0.27%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นแคทเทอร์ พิลลาร์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน โดยสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งกว่า 1% ทะลุ 50 ดอลลาร์ในวันนี้ และดีดตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน จากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะจับมือกันขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตต่อไป
ณ เวลา 19.53 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.40% สู่ระดับ 50.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการโอเปก ซึ่งรับผิดชอบต่อการประเมินสถานการณ์ตลาดสำหรับการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 25 พ.ค. กำลังพิจารณาทางเลือกในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้น ขณะที่ขยายเวลาในการปรับลดการผลิตออกไปเกินกว่าเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพื่อลดปริมาณน้ำมันจำนวนมากในตลาด
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงเกือบ 400 จุดเมื่อวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอาจนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เขาได้สั่งนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ยุติการสืบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กับรัฐบาลรัสเซีย
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่า เขาได้สั่งให้นายโคมีย์ยุติการสืบสวนเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งปธน.ทรัมป์ตอบว่า "ไม่"
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า การที่คนบางกลุ่มพยายามเรียกร้องให้มีการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น เป็นเรื่องน่าขัน เพราะเขาไม่ได้ทำผิดในคดีอาญา และยังคงยืนยันว่า ตนเองและทีมหาเสียงเลือกตั้ง ไม่เคยสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย
นายไมเคิล โชล ประธานบริษัทมาร์เก็ตฟิลด์ แอสเซ็ท แมเนจเมนต์ กล่าวว่า เขาไม่คิดว่าความเสี่ยงจากการที่ปธน.ทรัมป์จะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อตลาด โดยเขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะไม่กระทบต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ หรือภาวะกระทิงในตลาดขณะนี้
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายรายก็ได้คาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นในสหรัฐขณะนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มที่แข็งแกร่งในระยะยาวของตลาดหุ้นนิวยอร์ก
สำหรับการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในวันนี้นั้น บริษัทแคมป์เบลล์ ซุป เปิดเผยยอดขายและกำไรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ซบเซา
ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไรสุทธิลดลงสู่ระดับ 176 ล้านดอลลาร์ หรือ 58 เซนต์/หุ้น ในช่วงไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 3 ของปีงบการเงินบริษัท จากระดับ 185 ล้านดอลลาร์ หรือ 59 เซนต์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
หากไม่นับรวมรายการพิเศษ บริษัทมีกำไร 59 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 64 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ ยอดขายสุทธิของบริษัทลดลงสู่ระดับ 1.85 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.87 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.87 พันล้านดอลลาร์