ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) หลังจากที่ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐ โดยมีการมองกันว่า นักลงทุนวิตกมากเกินไปเรื่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 141.82 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 20,804.84 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 16.01 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 2,381.73 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่ม 28.57 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 6,083.70 จุด
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นไดเนอร์จีพุ่งขึ้นเกือบ 26%
หุ้น Deere เพิ่มขึ้น 7.3% หุ้นออโตเดสก์ ทะยานเกือบ 15% หุ้นรอสส์ สโตร์ บวก 1.9% หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ดีดตัว 1.1%
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงเกือบ 400 จุดเมื่อวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ และอาจนำไปสู่การถอดถอนออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เขาได้สั่งนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ยุติการสืบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กับรัฐบาลรัสเซีย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เขาได้สั่งให้นายโคมีย์ยุติการสืบสวนเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ปธน.ทรัมป์ตอบว่า "ไม่"
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า การที่คนบางกลุ่มพยายามเรียกร้องให้มีการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น เป็นเรื่องน่าขัน เพราะเขาไม่ได้ทำผิดในคดีอาญา และยังคงยืนยันว่าตนเองและทีมหาเสียงเลือกตั้งไม่เคยสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย
นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นในสหรัฐขณะนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มที่แข็งแกร่งในระยะยาวของตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ทั้งนี้ นักลงทุนได้หันเหความสนใจไปที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 2-3 พ.ค. ในสัปดาห์หน้า และจะประชุมครั้งต่อไปในเดือนหน้า
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า แผนการของเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะรวดเร็วเกินไปสำหรับเศรษฐกิจซึ่งกำลังส่งสัญญาณอ่อนแอ
"โดยรวมแล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐค่อนข้างอ่อนแอนับตั้งแต่การประชุมเดือนมี.ค. โดยอัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อได้ร่วงลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การฟื้นตัวของตลาดแรงงานก็ได้ชะลอตัวลง" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสราว 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.