ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการปรับตัวของราคาน้ำมัน
ณ เวลา 20.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 44 จุด หรือ 0.21% สู่ระดับ 20,922 จุด
ขณะนี้ ปธน.ทรัมป์อยู่ระหว่างการเยือนอิสราเอลในวันนี้ โดยเขาหวังที่จะรื้อฟื้นกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสเตน์ หลังจากที่เดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้มีการลงนามในข้อตกลงขายอาวุธแก่ซาอุดิอาระเบียมูลค่าถึง 3.50 แสนล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะเดินทางเยือนอิตาลี, นครรัฐวาติกัน และเบลเยียม
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยผู้ที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ ได้แก่ นายนีล แคชคารี ประธานเฟด สาขามินนีอาโพลิส และนายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงในวันนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนขายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ออกครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และบั่นทอนความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดปริมาณน้ำมันในตลาด
ณ เวลา 18.45 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.72% สู่ระดับ 50.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ร่างแผนงบประมาณประจำปี 2018 ที่ทำเนียบขาวเปิดเผยได้ระบุว่า ปธน.ทรัมป์เสนอให้รัฐบาลสหรัฐทำการขายน้ำมัน SPR ออกครึ่งหนึ่ง เพื่อนำรายได้เข้าสู่งบประมาณของประเทศ
ทั้งนี้ แผนของปธน.ทรัมป์จะทำให้มีการขายน้ำมัน SPR ออกครึ่งหนึ่งในช่วงปี 2018-2027 เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนต.ค.2018
นอกจากนี้ แผนงบประมาณดังกล่าว ยังได้เสนอให้มีการขุดเจาะ และผลิตน้ำมันมากขึ้นในอลาสกา