ดาวโจนส์บวกวันที่ 4 นักลงทุนเมินเหตุระเบิดเมืองแมนเชสเตอร์ ขณะจับตางบประมาณ"ทรัมป์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 23, 2017 21:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ ขณะที่ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยงบประมาณประจำปี 2018 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันนี้ โดยคาดว่าจะมีการปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาล และลดการขาดดุลงบประมาณ

ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,930.01 จุด เพิ่มขึ้น 35.73 จุด หรือ 0.16%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้น IBM ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีที่เมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

IS ออกแถลงการณ์ระบุว่า การโจมตีดังกล่าวมีการดำเนินการด้วยการใช้วัตถุระเบิดที่มีการติดตั้งในงานคอนเสิร์ตเมื่อคืนนี้

"นักรบคนหนึ่งของเราสามารถนำวัตถุระเบิดเข้าไปภายในงานคอนเสิร์ตในเมืองแมนเชสเตอร์" แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้ เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นที่แมนเชสเตอร์ อารีนา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องสาว อาเรียนา แกรนเด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 59 ราย

อย่างไรก็ดี เหตุระเบิดดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้แต่อย่างใด

นักลงทุนให้ความสนใจต่องบประมาณประจำปี 2018 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยทำเนียบขาวหวังที่จะปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลจำนวน 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ งบประมาณดังกล่าวยังคาดว่ารัฐบาลจะสามารถปรับลดภาษีสำหรับภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน

ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พลิกดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ร่วงลงก่อนหน้านี้จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนขายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ออกครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และบั่นทอนความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดปริมาณน้ำมันในตลาด

ณ เวลา 20.58 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX บวก 10 เซนต์ หรือ 0.20% สู่ระดับ 51.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ ทำเนียบขาวระบุว่า ปธน.ทรัมป์เสนอให้รัฐบาลสหรัฐทำการขายน้ำมัน SPR ออกครึ่งหนึ่ง เพื่อนำรายได้เข้าสู่งบประมาณของประเทศ

แผนของปธน.ทรัมป์จะทำให้มีการขายน้ำมัน SPR ออกครึ่งหนึ่งในช่วงปี 2018-2027 เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนต.ค.2018

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยผู้ที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ ได้แก่ นายนีล แคชคารี ประธานเฟด สาขามินนีอาโพลิส และนายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังติดตามการเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ขณะนี้ ปธน.ทรัมป์อยู่ระหว่างการเยือนอิสราเอลในวันนี้ โดยเขาหวังที่จะรื้อฟื้นกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสเตน์ หลังจากที่เดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้มีการลงนามในข้อตกลงขายอาวุธแก่ซาอุดิอาระเบียมูลค่าถึง 3.50 แสนล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะเดินทางเยือนอิตาลี, นครรัฐวาติกัน และเบลเยียม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ