ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) ด้วยอานิสงส์จากการที่เงินสกุลปอนด์อ่อนค่า ซึ่งช่วยสกัดการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ตกลงกันที่จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตเพียง 9 เดือน นอกจากนี้ยังไม่ปรับลดเพดานการผลิตให้มากขึ้น
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 2.81 จุด หรือ +0.04% ปิดที่ 7,517.71 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงกันถ้วนหน้า จากแรงกดดันของราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ หลังกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีกเพียง 9 เดือน จากที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายเวลาออกไปอีก 12 เดือน นอกจากนี้ที่ประชุมยังไม่มีการตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้นด้วย ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน
หุ้นบีพี บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 1.1% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ ขยับลง 0.5%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวช้าลงที่ 0.2% ในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากอัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง และยอดการค้าที่ปรับตัวลง โดยตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่ารายงานประมาณการเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.3%
ข้อมูล GDP ที่น่าผิดหวังของอังกฤษเป็นปัจจัยที่ฉุดค่าเงินสกุลปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1.3015 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินปอนด์ ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากเมื่อเงินปอนด์อ่อนค่าจะช่วยกระตุ้นเงินรายได้ประมาณ 75% ในต่างประเทศของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน