ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและรถยนต์
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 391.66 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,664.92 จุด เพิ่มขึ้น 49.86 จุด หรือ +0.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,318.67 จุด เพิ่มขึ้น 35.04 จุด หรือ +0.66% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,543.77 จุด เพิ่มขึ้น 23.82 จุด หรือ +0.32%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 57.0 ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นจาก 56.7 เมื่อเดือนเม.ย.
รายงานระบุว่า ภาคการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากการผลิตและธุรกิจใหม่ ขณะที่ดัชนี PMI ของเยอรมนีเติบโตดีที่สุดในกลุ่มชาติยูโรโซน
นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.5 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 58.2 ในเดือนเม.ย. โดยดัชนี PMI เดือนพ.ค.ทำสถิติแข็งแกร่งที่สุดในรอบกว่า 6 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2554 เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการผลิต คำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้น TechnipFMC พุ่งขึ้น 1.6% และหุ้น Eni SpA ปรับตัวขึ้น 1.2% แต่หุ้นโททาล อ่อนแรงลง 0.2% หลังจากนักลงทุนเทขายทำกำไรในการซื้อขายช่วงท้าย
นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษในวันที่ 8 มิ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะไทม์ส รายงานผลสำรวจล่าสุดของ YouGov โดยระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกฯเทเรซา เมย์ อาจสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาจำนวน 20 ที่นั่งในการเลือกตั้งวันที่ 8 มิ.ย.นี้ ซึ่งหมายความว่าพรรคการเมืองของนางเมย์จะไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้อีกต่อไป และจะทำให้เกิดอุปสรรคในการกำหนดนโยบายและการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)