ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) โดยดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากรายงานยอดขายรถยนต์ที่แข็งแกร่งของเยอรมนี โดยข้อมูลดังกล่าวได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 392.55 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,343.41 จุด เพิ่มขึ้น 24.74 จุด หรือ +0.47% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,822.94 จุด เพิ่มขึ้น 158.02 จุด หรือ +1.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,547.63 จุด เพิ่มขึ้น 3.86 จุด หรือ +0.05%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในเยอรมนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% ในเดือนพ.ค. ซึ่งช่วยหนุนหุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู พุ่งขึ้น 1.2%
ความแข็งแกร่งของยอดขายรถยนต์ในเยอรมนีได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนเม.ย. ทางด้านนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4%
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โรเบิร์ต แบรด แอนด์ โค กล่าวว่า แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ แต่นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึงเกือบ 94% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง ภายหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงราว 1.5% อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจนำสหรัฐถอนตัวออกจาก "ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ" จะส่งผลให้สหรัฐขุดเจาะและผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ หุ้นบีพี ร่วงลง 1.5% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 5.4% และหุ้น Eni SpA ร่วงลง 1.5%
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในระหว่างวันของตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งในอังกฤษ หลังจากผลการสำรวจของ Ipsos MORI บ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่นำหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านนั้น ได้ลดลงเหลือเพียง 5 จุด จาก 15 จุดเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า พรรคอนุรักษ์นิยมได้รับคะแนนนิยมจากประชาชน 45% ลดลง 4 จุดจากการสำรวจครั้งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ขณะที่คะแนนนิยมของพรรคแรงงานเพิ่มขึ้น 6 จุด สู่ระดับ 40% โดยผลการสำรวจนี้มีขึ้นก่อนที่ชาวอังกฤษจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 8 มิ.ย.