ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองทองคำ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งในอังกฤษซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย.นี้
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,547.63 จุด เพิ่มขึ้น 3.86 จุด หรือ +0.05%
หุ้นกลุ่มเหมืองทองคำปรับตัวขึ้น และมีส่วนช่วยหนุนดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนบวก โดยหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ทะยานขึ้น 4.01% ขณะที่หุ้นเฟรสนิลโล และหุ้นคอนวาเทค กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.77% และ 3.57% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จากระดับ 4.4% ในเดือนเม.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งในอังกฤษ หลังจากผลการสำรวจของ Ipsos MORI บ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่นำหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านนั้น ได้ลดลงเหลือเพียง 5 จุด จาก 15 จุดเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า พรรคอนุรักษ์นิยมได้รับคะแนนนิยมจากประชาชน 45% ลดลง 4 จุดจากการสำรวจครั้งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ขณะที่คะแนนนิยมของพรรคแรงงานเพิ่มขึ้น 6 จุด สู่ระดับ 40% โดยผลการสำรวจนี้มีขึ้นก่อนที่ชาวอังกฤษจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 8 มิ.ย.
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง ภายหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงราว 1.5% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจนำสหรัฐถอนตัวออกจาก "ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ" จะส่งผลให้สหรัฐขุดเจาะและผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ หุ้นบีพี ร่วงลง 1.5% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 5.4% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 1%