ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เหตุก่อการร้ายล่าสุดที่เกิดขึ้นในกรุงลอนดอนนั้น อาจจะสร้างความผันผวนให้กับสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ ขณะเดียวกันนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมนโยบายการของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 392.04 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,307.89 จุด ลดลง 35.52 จุด หรือ -0.66% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,525.76 จุด ลดลง 21.87 จุด, -0.29%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายที่บริเวณสะพานลอนดอนบริดจ์และตลาดโบโรห์ในกรุงลอนดอนเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ และพรรคแรงงาน ได้ตัดสินใจระงับการหาเสียง แม้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเพียง 2 สัปดาห์ที่พรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานได้ระงับการหาเสียง หลังเกิดเหตุระเบิดโจมตีแมนเชสเตอร์ อารีนา ที่เมืองแมนเชสเตอร์เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
ตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศอังกฤษ โดยผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 56.8 ในเดือนพ.ค. โดยทรงตัวจากระดับในเดือนเม.ย. และไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขเบื้องต้น
ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของอังกฤษ ร่วงลงสู่ระดับ 53.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หลังแตะ 55.8 ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักลงทุนรอดูว่า ECB จะส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่
หุ้นกลุ่มสายการบินของอังกฤษร่วงลง หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีในกรุงลอนดอน โดยหุ้นคอนโซลิเดท แอร์ไลน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วงลง 2.4% และหุ้นอีซีเจ็ท ดิ่งลงเกือบ 3%