ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 2% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งรวมถึงนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,467.14 จุด ลดลง 61.85 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,437.03 จุด ลดลง 16.43 จุด หรือ -0.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,188.03 จุด ลดลง 50.98 จุด หรือ -0.82%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง นำโดยหุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 4.2% หุ้นมาราธอน ออยล์ ดิ่งลง 3.4% หุ้นเฮสส์ คอร์ป ร่วงลง 3.2% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 0.9%
สำหรับปัจจัยที่ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงนั้น มาจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากมีรายงานการเพิ่มกำลังการผลิตของสหรัฐ รวมทั้งลิเบีย และไนจีเรีย ซึ่งเป็น 2 ประเทศสมาชิกโอเปกที่ได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงการปรับลดการผลิตน้ำมัน
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยล่าสุดนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน ได้ออกมาเตือนว่า ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำได้ส่งผลกระทบทำให้เฟดถูกจำกัดความสามารถในการรับมือกับเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่คาดคิด พร้อมระบุว่า ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะยังคงดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ทางด้านนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ พร้อมกับแสดงจุดยืนสนับสนุนนโยบายปัจจุบันของเฟดในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟด
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดปิดในแดนลบ แต่หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น หลังจากบริษัทเลนนาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2 โดยหุ้นเลนนาร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 1% และหุ้นพัลท์กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.3%
นักลงทุนจับตานายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับปฏิรูประบบภาษีสำหรับผู้มีเงินได้และภาคธุรกิจหรือไม่ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมของสมาคมผู้ผลิตแห่งชาติสหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย
ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นว่ามาตรการปฏิรูปภาษีจะได้รับการอนุมัติจากสภา คองเกรสในปีนี้ โดยเป้าหมายของเขาคือการทำให้ระบบภาษีมีความเรียบง่าย และเขาไม่กังวลเกี่ยวกับรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ชะลอตัวลง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมิ.ย.โดยมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.