ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.7% ปิดที่ 389.21 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,293.65 จุด ลดลง 17.07 จุด หรือ -0.32% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,814.79 จุด ลดลง 74.16 จุด หรือ -0.58% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,472.71 จุด ลดลง 51.10 จุด หรือ -0.68%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กดิ่งลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้น Subsea 7 SA ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมการขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งของนอร์เวย์ ร่วงลง 3.8% หุ้นเอสบีเอ็ม ออฟชอร์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของเนเธอร์แลนด์ ดิ่งลง 2.3% หุ้นสแตทออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันของนอร์เวย์ ร่วงลง 2.8% และหุ้นเรพซอล ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของสเปน ดิ่งลง 2.2%
ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงนั้น มาจากความวิตกกังวลที่ว่า การเพิ่มกำลังการผลิตของสหรัฐ รวมทั้งลิเบีย และไนจีเรีย ซึ่งเป็น 2 ประเทศสมาชิกโอเปกที่ได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงการปรับลดการผลิตน้ำมันนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิต
หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 1.9% หลังจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งราชอาณาจักร (SFO) ยื่นฟ้องธนาคารบาร์เคลย์ส พีแอลซี และอดีตผู้บริหารอีก 4 คน ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดด้วยการระดมทุนจากประเทศกาตาร์เมื่อปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารเผชิญวิกฤตการเงิน
ทั้งนี้ SFO ระบุว่า บาร์เคลย์สได้จ่ายเงิน 322 ล้านปอนด์เป็นค่าธรรมเนียมการกู้ยืมให้แก่นักลงทุนจากกาตาร์ ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2551 เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลเข้ามาถือครองกิจการในช่วงที่ธนาคารกำลังประสบปัญหาทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังไม่มีความเร่งรีบที่จะคุมเข้มด้านนโยบายแต่อย่างใด