ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานยอดสั่งซื้อภาคการผลิตของอังกฤษที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึน 0.01% ปิดที่ 388.53 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,281.93 จุด เพิ่มขึ้น 7.67 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,794.00 จุด เพิ่มขึ้น 19.74 จุด หรือ +0.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,439.29 จุด ลดลง 8.50 จุด หรือ -0.11%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) เปิดเผยว่า ผลสำรวจพบว่าคำสั่งซื้อภาคการผลิตพุ่งขึ้นสู่ระดับ +16 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1988 จากระดับ +9 ในเดือนพ.ค. รายงานของ CBI ยังเปิดเผยว่า คำสั่งส่งออกพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี โดยได้แรงหนุนจากปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังอังกฤษทำประชามติออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit หลังจากนายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ความไม่แน่นอนของผลการเจรจา Brexit ส่งผลให้การลงทุนมูลค่ามหาศาลในภาคธุรกิจต้องถูกเลื่อนออกไป