ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีปรับตัวขึ้น ขานรับข่าวรัฐบาลอิตาลีเตรียมทุ่มงบประมาณสูงถึง 1.7 หมื่นล้านยูโรเพื่อรองรับการปิดกิจการของธนาคาร 2 แห่งในอิตาลี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเนสท์เล่ และดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 389.05 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,295.75 จุด เพิ่มขึ้น 29.63 จุด หรือ +0.56% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,770.83 จุด เพิ่มขึ้น 37.42 จุด หรือ +0.29% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,446.80 จุด เพิ่มขึ้น 22.67 จุด หรือ +0.31%
หุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีดีดตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลอิตาลีเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลกำลังเตรียมเงินทุนสูงถึง 1.7 หมื่นล้านยูโร (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) สำหรับแผนปิดกิจการของธนาคารเวเนโต บังกา และธนาคารบังกา โปโปลาเร ดิ วิเซนซา โดยเงินส่วนหนึ่งจะนำไปแปลงหนี้เสียของธนาคารท้องถิ่นขนาดกลางทั้ง 2 แห่ง และโยกย้ายสินทรัพย์ที่ดีที่สุดของธนาคารไปให้กับธนาคารอินเตซา ซานเปาโล รายงานระบุว่า เงินจำนวน 1.7 หมื่นล้านยูโรจะประกอบด้วยเงินชดเชยตามภาระหนี้เสียของธนาคารที่รัฐบาลแบกรับไว้ รวมถึงการปรับโครงสร้างส่วนที่เหลือของธนาคาร และค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หุ้นธนาคาร Intesa พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นธนาคาร Unione di Banche Italiane ปรับขึ้น 2% และหุ้นธนาคาร UniCredit พุ่งขึ้น 2.2%
ส่วนหุ้นเนสท์เล่ พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากมีรายงานว่า เธิร์ด พอยท์ ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ของนายดาเนียล โล๊บ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ได้เข้าซื้อหุ้นมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ในบริษัทเนสท์เล่
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนหลังจากซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 115.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 114.6 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของ Ifo มาจากการสำรวจบริษัท 7,000 แห่งในภาคการผลิต การก่อสร้าง รวมทั้งภาคค้าส่งและค้าปลีกในเยอรมนี