ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังมีข่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศปรับบริษัทกูเกิล อิงค์ เป็นเงินจำนวน 2.42 พันล้านยูโร (2.72 พันล้านดอลลาร์) ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดจากการให้บริการช้อปปิ้งในระบบออนไลน์
ณ เวลา 21.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,388.93 จุด ลดลง 20.62 จุด หรือ 0.10%
ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 0.4% ขณะที่หุ้นของบริษัทอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลงกว่า 1%
กูเกิลระบุว่า ทางบริษัทกำลังพิจารณายื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวต่อศาลยุติธรรมแห่งยุโรป ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของยุโรป
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งกำกับดูแลการแข่งขันในสหภาพยุโรป ระบุว่า กูเกิลได้ใช้ความสามารถในการเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการค้นหาข้อมูลในการสร้างความได้เปรียบอย่างผิดกฎหมายต่อการให้บริการ Google Shopping ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อีกอย่างหนึ่งของกูเกิล
อย่างไรก็ดี กูเกิลชี้แจงว่า ทางบริษัทได้จัดการแสดงผลการค้นหาข้อมูลในลักษณะที่ทำให้ลูกค้ามีความสะดวกในการค้นหาสิ่งที่ต้องการ
วงเงินค่าปรับดังกล่าวถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในคดีที่ EC สั่งปรับบริษัทที่ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด โดยสูงกว่าที่ EC สั่งปรับบริษัทอินเทล 1.06 พันล้านยูโรในปี 2009
EC ระบุว่า กูเกิลมีเวลา 90 วันที่จะยุติพฤติกรรมดังกล่าว มิฉะนั้นจะถูกปรับสูงถึง 5% ของรายได้เฉลี่ยต่อวันทั่วโลกของบริษัทอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล
EC มีคำสั่งปรับดังกล่าว หลังจากที่ได้ทำการสอบสวนเป็นเวลา 7 ปี หลังได้รับการร้องเรียนจากบริษัทคู่แข่งของกูเกิล เช่น เว็บไซต์ Yelp, TripAdvisor และ Foundem รวมถึงบริษัท News Corp และ FairSearch
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นักวิเคราะห์คาดว่า นางเยลเลนจะแสดงความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดงบดุลของเฟด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้น
ทางด้านนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐ และประเทศที่มีเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในระยะยาว นอกจากว่าเจ้าหน้าที่ด้านนโยบายจะดำเนินการบางอย่างเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
นายวิลเลียมส์กล่าวว่า ถึงแม้ข่าวทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐมีความน่าพึงพอใจในระยะนี้ แต่ในระยะยาวก็อาจสร้างความผิดหวังได้
นายวิลเลียมส์เตือนว่า สังคมผู้สูงอายุ และประสิทธิภาพการผลิตในระดับต่ำกำลังสกัดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้แนวโน้มการขยายตัวในระยะยาวต่อปีในสหรัฐ ยูโรโซน สหราชอาณาจักร และแคนาดา อยู่ที่ระดับเพียง 1.5% ซึ่งต่ำลงถึงครึ่งหนึ่งจากอัตราปกติก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกยังกล่าวว่า หากเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่ซบเซา เจ้าหน้าที่ด้านกำหนดนโยบายจะประสบความยากลำบากในการจัดการต่อเงินเฟ้อ และรักษาการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ เนื่องจากการขยายตัวที่ต่ำลงจะลดความต้องการในการลงทุน และกดดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงอีก ส่งผลให้ธนาคารกลางมีความสามารถน้อยลงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับการเกิดเหตุไม่คาดฝั่นทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการกล่าวถ้อยแถลงของนายแพททริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย และนายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขามินเนอาโพลิส ในวันนี้เช่นกัน