ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยระบุว่า ECB ควรปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มบริษัทรถยนต์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.8% ปิดที่ 385.98 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,671.02 จุด ลดลง 99.81 จุด หรือ -0.78% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,258.58 จุด ลดลง 37.17 จุด หรือ -0.70% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,434.36 จุด ลดลง 12.44 จุด หรือ -0.17%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยระบุว่า ECB ควรปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ นายดรากียังส่งสัญญาณในความพร้อมที่จะเริ่มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างไรก็ดี นายดรากีระบุว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆจะต้องเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเศรษฐกิจยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายการเงิน พร้อมกล่าวว่า การดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อจะขึ้นอยู่กับสภาวะทางการเงินในระดับโลก
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มรถยนต์ โดยหุ้นเฟียต ไครส์เลอร์ ออโต้โมบิล ร่วงลง 1.2% หุ้นเฟอร์รารี ดิ่งลง 2.1%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงหลังจากนายชัค สตีเวนส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) คาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐตลอดทั้งปีนี้อาจขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีสัญญาณการชะลอตัวของอุปสงค์ในตลาดรถยนต์สหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์ส คาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐอาจหดตัวลงสู่ระดับ 16.5 ล้านคันในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะเป็นยอดขายที่ต่ำกว่า 17 ล้านคันเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน