ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรอาจสร้างแรงกดดันต่ออุตสหกรรมการส่งออกของยุโรป อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ธนาคารพาณิชย์ 34 แห่งของสหรัฐ ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.3% ปิดที่ 380.66 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,154.35 จุด ลดลง 98.55 จุด หรือ -1.88% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,416.19 จุด ดิ่งลง 231.08 จุด หรือ -1.83% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,350.32 จุด ลดลง 37.48 จุด หรือ -0.51%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรอาจสร้างแรงกดดันต่ออุตสหกรรมการส่งออกของยุโรป
การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรได้สกัดปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีรายงานวย่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐทั้ง 34 แห่ง สามารถเดินหน้าแผนเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และซื้อหุ้นคืนได้ หลังจากที่ธนาคารเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีรอบที่ 2 ของเฟด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
ทั้งนี้ หุ้นดอยซ์แบงก์ ปรับตัวขึ้น 0.5% หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 1% และหุ้นเอชเอสบีซี ทะยานขึ้น 4.2%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวผันผวน โดยหุ้นอันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ร่วงลง 1.1% และหุ้นนอร์ค ไฮโดร เอเอสเอ ปรับตัวลง 0.7%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) หลังจากนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE ส่งสัญญาณถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการยกเลิกมาตรการกระตุ้นทางการเงิน โดยกล่าวว่า มีแนวโน้มที่ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังขยายตัวใกล้เต็มศักยภาพ โดย BoE จะหารือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน (ECB ก็ได้ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยกล่าวว่า ECB ควรปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น