ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 4% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ว่า เฟดอาจจะเริ่มปรับลดงบดุลในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,478.17 จุด ลดลง 1.10 จุด หรือ -0.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,432.54 จุด เพิ่มขึ้น 3.53 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,150.86 จุด เพิ่มขึ้น 40.80 จุด หรือ +0.67%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนักได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.5% ขณะที่หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 6.6% และหุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 4.5%
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ร่วงลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ รวมทั้งข่าวที่ว่า รัสเซียได้ปฏิเสธข้อเสนอที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันบรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของเฟดระบุว่า กรรมการหลายคนของเฟดได้สนับสนุนให้เริ่มปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ของเฟด ซึ่งหมายความว่า เฟดจะเริ่มดำเนินการปรับลดการถือครองหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมถึงตราสารหนี้ของหน่วยงานรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) หลังจากที่เฟดได้ถือครองหลักทรัพย์ดังกล่าวมาเป็นเวลานาน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลงเพียง 0.5%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ร่วงลง หลังจากบริษัท โอเรลลี ออโต้โมทีฟ เปิดเผยยอดขายที่น่าผิดหวังในไตรมาส 2 โดยหุ้นโอเรลลี ดิ่งลง 19% หุ้นแอดวานซ์ ออโต้ พาร์ท ร่วงลง 11% หุ้นออโต้โซน ปรับตัวลง 9.6% ส่วนหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์นั้น หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ ร่วงลง 1.6% และหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดิ่งลง 2.2%
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq and S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างคึกคัก โดยหุ้นอินเทล คอร์ป พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 1.3% ส่วนหุ้นอเมซอน หุ้นแอปเปิล และหุ้นอีเบย์ ต่างก็ปิดตลาดปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ออกมาประกาศความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป พร้อมกับจับตาท่าทีของบรรดาผู้นำของประเทศต่างๆ ก่อนที่การประชุมกลุ่ม G20 จะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ที่ประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 174,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.3%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย. โดยมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)