ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 380.43 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,381.25 จุด ลดลง 72.43 จุด หรือ -0.58% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,152.40 จุด ลดลง 27.70 จุด หรือ -0.53% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,337.28 จุด ลดลง 30.32 จุด หรือ -0.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบ หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของเฟดระบุว่า กรรมการหลายคนของเฟดได้สนับสนุนให้เริ่มปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า เฟดจะเริ่มดำเนินการปรับลดการถือครองหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมถึงตราสารหนี้ของหน่วยงานรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) หลังจากที่เฟดได้ถือครองหลักทรัพย์ดังกล่าวมาเป็นเวลานาน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่รายงานการประชุมประจำเดือนของ ECB ระบุว่า กรรมการ ECB ได้หารือกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ซึ่งสอดคล้องกับที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยกล่าวว่า ECB ควรปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจยุโรปที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม การส่งสัญญาณดังกล่าวของธนาคารกลางชั้นนำอย่างเฟด และ ECB ได้หนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นยูนิเครดิต ปรับตัวขึ้น 2.9% หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดีดขึ้น 1.6% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง พุ่งขึ้น 1.5%
นักลงทุนจับตาการประชุม G20 ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี โดยการประชุมจะเริ่มขึ้นในวันนี้และเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ทางการเยอรมนีตรึงกำลังตำรวจ 20,000 นายเข้ารักษาความสงบในเมืองฮัมบูร์ก ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ให้คำมั่นที่จะทำการประท้วงต่อผู้นำ 3 คน ซึ่งได้แก่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน แห่งตุรกี