ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการรร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างหนัก นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 380.18 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,145.16 จุด ลดลง 7.24 จุด หรือ -0.14% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,350.92 จุด เพิ่มขึ้น 13.64 จุด หรือ +0.19% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,388.68 จุด เพิ่มขึ้น 7.43 จุด หรือ +0.06%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐและแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ร่วงลง 2.9% หุ้นเรพซอล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของสเปน ดิ่งลง 1.1% และหุ้นปิโตรแฟค ร่วงลง 3.4%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลว่า เฟด และ ECB อาจเริ่มพิจารณาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน โดยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของเฟดระบุว่า กรรมการหลายคนของเฟดได้สนับสนุนให้เริ่มปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่า เฟดจะเริ่มดำเนินการปรับลดการถือครองหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมถึงตราสารหนี้ของหน่วยงานรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) หลังจากที่เฟดได้ถือครองหลักทรัพย์ดังกล่าวมาเป็นเวลานาน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่รายงานการประชุมประจำเดือนของ ECB ระบุว่า กรรมการ ECB ได้หารือกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการปรับลดมาตรการกระตุ้นทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ECB จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในตลาด
หุ้นคาร์ฟูร์ ร่วงลง 4.6% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกของฝรั่งเศสรายนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 222,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 174,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% จาก 4.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นอีซี่เจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของยุโรป พุ่งขึ้น 5.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของเครดิต สวิส ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอีซี่เจ็ทขึ้นสู่ระดับ 'outperform' จากระดับ 'neutral'