ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ ภายหลังจากนายเจอร์รี มอร์แรน และนายไมค์ ลี สองวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันได้ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ว่า จะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับปรับปรุงของวุฒิสภา ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มทางการเมืองของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งอนาคตของการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 31,775.54 จุด ลดลง 299.24 จุด, -0.93% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,427.27 จุด ลดลง 43.31 จุด, -0.16% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,754.39 จุด ลดลง 0.80 จุด, -0.05%
นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำวุฒิสมาชิกเสียงข้างมากของสหรัฐได้ออกมายอมรับในวันนี้แล้วว่า ความพยายามในการผลักดันให้มีการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์นั้นประสบความล้มเหลว รวมถึงความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับปรับปรุงของวุฒิสภาให้สามารถนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายแมคคอนเนลล์ ยืนยันว่า เขาจะเดินหน้าผลักดันให้ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา
สำหรับความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและการเงินนั้น ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ในวันนี้ โดยธนาคารกลางได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจออสเตรเลีย หลังจากที่ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลก็ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับการบริโภคภาคครัวเรือนก็ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ RBA ยังคาดการณ์ด้วยว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างสดใส
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนยังคงส่งสัญญาณชะลอตัว โดยราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่อยู่ในระดับที่ทรงตัว หรือมีการขยายตัวที่ช้าลง หลังจากที่รัฐบาลได้ใช้มาตรการควบคุมการซื้อบ้านอย่างเข้มงวด
NBS ระบุว่า หากเทียบเป็นรายปี ราคาบ้านใหม่ใน 70 เมืองขนาดใหญ่ยังคงปรับตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. แต่ราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่ 15 เมืองมีอัตราการขยายตัวที่ช้าลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างรอดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักลงทุนต้องการหาสัญญาณบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางทั้งสองแห่งมีแนวโน้มที่จะปรับนโยบายการเงินในอนาคตหรือไม่