ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ รวมทั้งรายงานตัวเลขการสร้างบ้านในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับร่างกฎหมายประกันสุขภาพของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM ได้สกัดแรงบวกของตลาดในระหว่างวัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,640.75 จุด เพิ่มขึ้น 66.02 จุด หรือ +0.31% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,473.83 จุด เพิ่มขึ้น 13.22 จุด หรือ +0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,385.04 จุด เพิ่มขึ้น 40.74 จุด, +0.64%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.6% หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 1.1% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับตัวขึ้น 1.2%
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากทางธนาคารเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 87 เซนต์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 76 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 9.50 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.09 พันล้านดอลลาร์ โดยมอร์แกน สแตนลีย์ระบว่า ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการซื้อขายหุ้น และมีกำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้น หลังจากยูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.46 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.38 ดอลลาร์/หุ้น ทั้งนี้ หุ้นยูไนเต็ดเฮลท์ พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นซิกนา ปรับตัวขึ้น 1.3% เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.22 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 1.12 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.16 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) ร่วงลง 4.2% ซึ่งส่งผลให้แรงบวกในตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกสกัดลงเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรลดลง 7% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ระดับ 2.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.48 ดอลลาร์/หุ้น จากยอดขาย 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 21 ไตรมาส
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในความพยายามของปธน.ทรัมป์ในการผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพให้ผ่านวุฒิสภา โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้เชิญวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันทั้ง 52 คนเข้าพบที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ หลังจากที่ความพยายามในการผลักดันให้มีการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ได้ประสบความล้มเหลวอีกครั้ง ขณะที่นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ประกาศว่า วุฒิสภาจะทำการลงมติต่อร่างกฎหมายที่จะยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์ ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ความพยายามของวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันในการลงมติเพื่อยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพ "โอบามาแคร์" ของรัฐบาลชุดก่อน โดยที่ยังไม่มีร่างกฎหมายฉบับใหม่เข้ามาบังคับใช้แทนที่นั้น ประสบกับความล้มเหลว หลังจากที่นางลิซา เมอร์คอว์สกี นางเชลลีย์ มัวร์ และนางซูซาน คอลลินส์ ซึ่งเป็นวุฒิสภาชิกจากพรรครีพับลิกันได้ประกาศที่จะคัดค้านแผนการดังกล่าว นอกจากนี้ นายไมค์ ลี วุฒิสมาชิกรัฐยูทาห์ นายเจอร์รี มอร์แรน วุฒิสมาชิกรัฐแคนซัส พร้อมด้วยนายแรนด์ พอล วุฒิสมาชิกจากรัฐเคนทักกี ก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่จะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับปรับปรุงใหม่ในวุฒิสภาเช่นกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และควอลคอมม์ พร้อมกับจับตาตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย