ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ส่งสัญญาณการปรับวงเงิน QE ในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ECB เตรียมประกาศแผนลดวงเงิน QE ในช่วงเวลาดังกล่าว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ระดับ 384.07 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันที่ 12,447.25 จุด ลดลง 4.80 จุด หรือ -0.04% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,199.22 จุด ลดลง 16.85 จุด หรือ -0.32% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,487.87 จุด เพิ่มขึ้น 56.96 จุด หรือ +0.77%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ในการประชุมเมื่อวานนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุม ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนธ.ค. ขณะเดียวกัน ECB แถลงว่า อาจมีการขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE เกินกว่าเดือนธ.ค.ปีนี้ หากมีความจำเป็น
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการแถลงภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ นายดรากีส่งสัญญาณว่า ECB จะทำการหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวงเงิน QE ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า นายดรากีจะใช้การประชุมในเดือนก.ย. ประกาศแผนการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนม.ค.ปีหน้า โดยคาดว่า ECB จะขยายเวลาการใช้มาตรการ QE ออกไปอีก 6 เดือน จากที่มีกำหนดสิ้นสุดในปลายปีนี้ แต่จะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรลง
หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลง โดยหุ้นลุฟต์ฮันซา ร่วงลง 8.5% หุ้นแอร์ฟรานซ์ ร่วงลง 8.3% หุ้นอีซี่เจ็ท ร่วงลง 5.9% และหุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดท แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ปรับตัวลง 3.8% อย่างไรก็ตาม หุ้นยูนิลีเวอร์ ปรับตัวขึ้น 1.7% หลังจากยูนิลีเวอร์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภครายใหญ่ เปิดเผยว่า ผลกำไรและรายได้ของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่บริษัทได้ขึ้นราคาสินค้า 3% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งช่วยชดเชยปริมาณยอดขายที่ซบเซา นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ดีขึ้นยังเป็นผลมาจากมาตรการตัดลดรายจ่ายอีกด้วย