ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 97.58 จุด รับเฟดมีมติคงดอกเบี้ย,ผลประกอบการแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 27, 2017 06:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันเฟดส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่ ซึ่งรวมถึง โคคา โคล่า และโบอิ้ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,711.01 จุด เพิ่มขึ้น 97.58 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,477.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือ +0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,422.75 จุด เพิ่มขึ้น 10.57 จุด หรือ +0.16%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด ขณะเดียวกันเฟดได้ส่งสัญญาณที่จะเริ่มปรับลดงบดุลในเดือนก.ย. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

"ทางคณะกรรมการคาดหวังว่าจะเริ่มทำการปรับงบดุลเข้าสู่ภาวะปกติ 'ในไม่ช้า' โดยขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ไว้" แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้ เฟดได้เปลี่ยนแปลงการใช้ถ้อยคำในแถลงการณ์จากเดิมที่ใช้คำว่า 'ในปีนี้' เป็น 'ในไม่ช้า' ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นการบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดงบดุลในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งต่อไป

แถลงการณ์ของเฟดในการประชุมเมื่อวานนี้ยังระบุว่า การปรับตัวของเศรษฐกิจจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ส่วนความเสี่ยงในระยะใกล้นั้น เฟดระบุว่ายังคงมีความสมดุล โดยเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางในปีนี้ ขณะที่ตลาดแรงงานมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อในระยะใกล้ยังคงปรับตัวอยู่ต่ำกว่าระดับ 2%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ โดยบริษัทโบอิ้งเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 2.55 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.30 ดอลลาร์/หุ้น ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นโบอิ้งปิดตลาดพุ่งขึ้นเกือบ 10%

ด้านบริษัทโคคา โคล่า เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรที่ระดับ 59 เซนต์/หุ้น ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะหี่ 57 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 9.702 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 9.652 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นโคคา โคล่า ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 1.1%

ขณะที่บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ รายงานว่าบริษัทมีกำไร 56 เซนต์/หุ้น ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 43 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 3.99 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.71 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปิดตลาดอ่อนแรงลง 1.9%

ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเมื่อคืนนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนมิ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 610,000 ยูนิต ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ปรับตัวลง

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอแค่ถึงเดือนก.ย. จึงขอเรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมในเดือนหน้า เพื่อให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ พร้อมระบุว่า สถานการณ์ในขณะนี้กำลังส่งผลกระทบต่อเงินของผู้เสียภาษีสหรัฐ ซึ่งอาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงิน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ