ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นธนาคารเอชเอสบีซีที่ทะยานขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/2560 อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ถูกสกัดแรงบวกในระหว่างวันจากปัจจัยสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 3.63 จุด หรือ +0.05% ปิดที่ 7,372.00 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ พุ่งขึ้น 1.8% หลังธนาคารเปิดเผยว่ามีกำไรพุ่งขึ้น 57% สู่ระดับ 3.87 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2560 นอกจากนี้ ธนาคารเอชเอสบีซียังประกาศแผนการที่จะซื้อหุ้นกลับคืนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์
สำหรับผลกำไรงวดครึ่งปีแรกนั้น เอชเอสบีซีมีกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 5% สู่ระดับ 1.02 หมื่นล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 9.7 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ กำไรก่อนหักภาษีของเอชเอสบีซีในช่วงครึ่งปีแรกนั้น อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 9.5 พันล้านดอลลาร์ โดยผลประกอบการของเอชเอสบีซีได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารปรับลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มรายได้ในตลาดหลักในอังกฤษและฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด หลังค่าเงินปอนด์พุ่งแตะระดับ 1.3200 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2559 ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วยแรงหนุนจากข้อมูลภาคอุตสาหกรรมที่สดใสของจีน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1% หุ้นริโอ ทินโต ขยับขึ้น 0.5% และหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 1.7%