ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) จากแรงกดดันของข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอของอังกฤษ และยอดขาดดุลการค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 108.12 จุด หรือ -1.44% ปิดที่ 7,389.94 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ได้รับแรงฉุดจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายหลังจากสถาบัน RICS (Royal Institution of Chartered Surveyors) ซึ่งเป็นองค์กรผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกอบธุรกิจการจัดการทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ รายงานว่า ราคาบ้านในสหราชอาณาจักรขยายตัวเพียง 1% ในเดือนก.ค. จากระดับ 7% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นการขยายตัวช้าที่สุดในรอบกว่า 4 ปี
หุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ร่วงลง 2.9% หุ้นเพอร์ซิมมอน ร่วง 2.9% และหุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ ร่วงลง 3%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.27 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ถึง 1.7 พันล้านปอนด์ และสูงกว่ายอดขาดดุลการค้าในเดือนพ.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.13 หมื่นล้านปอนด์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ONS รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษ ขยายตัว 0.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ที่ว่าจะปรับตัวลง
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่น่าจับตา หุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 2.5% แม้บริษัทเปิดเผยรายงานว่า บริษัทกลับมามีผลกำไรในช่วงครึ่งปีแรก และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรตลอดทั้งปีนี้แล้วก็ตาม