ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี รวมทั้งความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ หลังจากเกาหลีเหนือประกาศแผนยิงขีปนาวุธถล่มเกาะกวมภายในกลางเดือนนี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,309.96 จุด ลดลง 79.98 จุด หรือ -1.08%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลียังคงกดดันให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความเตือนเกาหลีเหนืออีกครั้งเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐได้จัดเตรียมอาวุธเต็มพิกัด พร้อมกับบรรจุขีปนาวุธเรียบร้อยแล้ว โดยมีการเล็งเป้าหมายไปยังเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับนายจิม แมตทิส รมว.กลาโหมสหรัฐ ที่แถลงยืนยันว่า สหรัฐพร้อมตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่เกาหลีเหนือประกาศจะโจมตีน่านน้ำบริเวณเกาะกวมของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงกลางเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้ โดยเกาะกวมเป็นที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาท่าทีของจีนในกรณีความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด หลังจากหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ ซึ่งเป็นสื่อกระบอกเสียงรัฐบาลจีนฉบับภาษาอังกฤษในเครือของพีเพิล เดลี (เหรินหมินยื่อเป้า) ได้แสดงความเห็นในบทบรรณาธิการฉบับเมื่อวานนี้ว่า จีนควรวางตัวเป็นกลาง หากเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายโจมตีสหรัฐก่อน แต่หากเกิดกรณีที่สหรัฐพยายามโค่นล้มระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือด้วยการเป็นฝ่ายโจมตีก่อนแล้ว จีนก็ไม่ควรนิ่งเฉยและต้องขัดขวางสหรัฐไม่ให้ทำสำเร็จ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง หลังจากทางการจีนเปิดเผยรายได้ด้านการคลังชะลอตัวลงเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยหุ้นริโอทินโต ร่วงลง 3.2% หุ้นเกลนคอร์ ดิ่งลง 2.9% หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 3.1% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลง 2%