ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ร่วงลง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. โดยส่งสัญญาณว่า เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้ นอกจากนี้ตลาดหุ้นลอนดอนยังถูกกดดันจากตัวเลขค้าปลีกที่น่าผิดหวังของอังกฤษ ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงกันถ้วนหน้า
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 45.16 จุด หรือ -0.61% ปิดที่ 7,387.87 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ มีปัจจัยลบจากกระแสความวิตกกังวลว่า เฟดอาจพิจารณาไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ โดยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟด ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับทิศทางของเงินเฟ้อสหรัฐ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังคงเคลื่อนตัวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟด
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงจากความวิตกดังกล่าว โดยหุ้นเอชเอสบีซี ร่วง 1.3% หุ้นบาร์เคลย์ส ร่วง 1.7% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 1.5% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 2.7%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงจากแรงกดดันของข้อมูลค้าปลีกของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยยอดค้าปลีกอังกฤษขยายตัวปานปลางที่ระดับ 0.3% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ระดับ 0.2% เพียงเล็กน้อย
หุ้นคิงฟิชเชอร์ ร่วง 4.1% หลังบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ปรับตัวลงในไตรมาส 2 เนื่องจากยอดขายที่ซบเซาในฝรั่งเศส
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่น่าจับตา หุ้นเฟรสนิลโลและหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่ทองคำรายใหญ่ เพิ่มขึ้น 3.9% และ 1.8% ตามลำดับ ตามทิศทางของราคาทองคำที่พุ่งขึ้นจากความวิตกเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อการร้ายในบาร์เซโลนาเมื่อวานนี้