ดาวโจนส์ร่วง หลังเปิดตลาดแดนบวก ก่อนการประชุม"แจ็กสัน โฮล"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 24, 2017 21:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง หลังเปิดตลาดในแดนบวก ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ โดยถ้อยแถลงของผู้เข้าร่วมการประชุมอาจส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้

ณ เวลา 21.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,787.41 จุด ลดลง 24.68 จุด หรือ 0.11%

การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด มีกำหนดจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "Fostering a Dynamic Global Economy" การประชุมเศรษฐกิจประจำปีซึ่งจัดขึ้นโดยเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้นั้น จะมีการหารือกันในประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งในสหรัฐและต่างประเทศ โดยจะมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางมาเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด, นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป และนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 234,000 ราย โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 238,000 ราย

ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 129 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970

นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าว จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดประกาศแผนปรับลดงบดุลวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในการประชุมเดือนหน้า

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า ความวุ่นวายในสภาคองเกรสเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากแกนนำในสภาทำตามคำแนะนำของเขาในการพ่วงร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐเข้ากับร่างกฎหมายทหารผ่านศึก

"ผมเคยเรียกร้องให้คุณมิทช์ แมคคอนเนล (แกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา) และคุณพอล ไรอัน (ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ) พ่วงร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ เข้ากับร่างกฎหมายทหารผ่านศึก (ซึ่งได้ผ่านสภาเมื่อวานนี้) เพื่อให้การอนุมัติเป็นไปอย่างง่ายดาย แต่พวกเขาก็ไม่ยอมทำตาม ส่งผลให้พรรคเดโมแครตเข้าขัดขวางการอนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ ทำให้เรื่องที่น่าจะง่ายกลายเป็นเรื่องยากในขณะนี้" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ปธน.ทรัมป์ขู่วานนี้ว่า เขาจะยอมปล่อยให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงาน หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก

ทั้งนี้ ในการกล่าวปราศรัยที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ปธน.ทรัมป์กล่าวเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก แม้จะต้องแลกมาด้วยการที่รัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานก็ตาม

"ถ้าเราต้องปิดการดำเนินงานของรัฐบาล เราก็จะยังคงสร้างกำแพง" เขากล่าว

ขณะนี้ ปธน.ทรัมป์กำลังมีความขัดแย้งกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการอนุมัติงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยถ้าหากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวสำหรับการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงงบในการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก ซึ่งปธน.ทรัมป์จะต้องลงนามเป็นกฎหมายภายในเส้นตายวันที่ 30 ก.ย. หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐหลายแห่งก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากรัฐบาลขาดงบประมาณในการบริหารประเทศ ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตแสดงจุดยืนอย่างเปิดเผยว่า พวกเขาจะขัดขวางการอนุมัติงบประมาณดังกล่าว หากมีการรวมถึงงบในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

หากสภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณสำหรับการบริหารงานของรัฐบาล แต่มีการตัดงบในส่วนของการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก ปธน.ทรัมป์ก็จะทำการวีโต้ หรือเลือกที่จะไม่ลงนามในงบประมาณดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงาน เนื่องจากขาดงบประมาณ

ทางด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า หากสภาคองเกรสสหรัฐประสบความล้มเหลวในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐในเวลาที่เหมาะสม สิ่งนี้ก็จะทำให้ทางบริษัทปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยมีแนวโน้มปรับลดลงจากระดับ AAA ในขณะนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด

ฟิทช์ระบุว่า หากสหรัฐไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ก็จะทำให้พันธกรณีในการชำระหนี้ของรัฐบาลไม่สอดคล้องกับอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA

ขณะนี้ สภาคองเกรสยังคงไม่มีการบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 19.9 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่านายสตีเวน มนูชิน รมว.คลัง เรียกร้องให้มีการบรรลุข้อตกลงก็ตาม

หากรัฐบาลสหรัฐไม่มีงบประมาณที่จะบริหารประเทศ ก็จะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล โดยสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนต.ค. ขณะที่สหรัฐเผชิญความเสี่ยงในการผิดนัดชำระดอกเบี้ย และเงินต้นของพันธบัตร และจะสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดการเงินทั่วโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ