ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) นำโดยหุ้นบริษัทที่ให้เงินปันผลสูง หลังจากที่นางเจนเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อคืนนี้ โดยทั้งสองไม่ได้เปิดเผยถึงทิศทางนโยบายทางการเงินในอนาคต ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,813.67 จุด เพิ่มขึ้น 30.27 จุด หรือ +0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,443.05 จุด เพิ่มขึ้น 4.08 จุด หรือ +0.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,265.64 จุด ลดลง 5.68 จุด หรือ -0.09%
ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.65% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.72% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.79%
ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสัน โฮล นางเยลเลนไม่ได้ส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต แต่ได้พุ่งความสำคัญไปยังเรื่องของวิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต และสิ่งที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ดำเนินการเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน นางเยลเลนกล่าวเตือนว่า วิกฤตทางการเงินในอนาคตอาจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ภาวะทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ให้บทเรียนที่สำคัญแก่ทุกคน
"เราได้เรียนรู้บทเรียนจากความเจ็บปวดที่เกิดจากวิกฤตการณ์ เรามีเหตุผลที่จะเชื่อว่าระบบการเงิน และเศรษฐกิจมีโอกาสน้อยลงที่จะเผชิญกับวิกฤตการณ์ และจะสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้เร็วขึ้น ทำให้ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจไม่ต้องเผชิญกับปัญหาเหมือนที่ได้ประสบในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เมื่อ 1 ทศวรรษก่อนหน้านี้" นางเยลเลนกล่าว
ด้านนายดรากีไม่ได้ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเขากล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัวมากขึ้น พร้อมเตือนว่า นโยบายกีดกันทางการค้าจะสร้างความเสี่ยงที่รุนแรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจุยหนุนจากคำกล่าวของนายแกรี โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งระบุว่า ปธน.ทรัมป์จะเริ่มต้นทำการรณรงค์เกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีในสัปดาห์หน้า โดยนายโคห์นระบุว่า ปธน.ทรัมป์จะทำการประชาสัมพันธ์นโยบายปฏิรูปภาษีในวันพุธหน้าในระหว่างที่เขาเดินทางเยือนรัฐมิสซูรี
หุ้นดอลลาร์ ทรี พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากที่บริษัทเรย์มอน เจมส์ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นขึ้นสู่ระดับ 95 ดอลลาร์
หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 5.4% และหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ปรับตัวขึ้น 3.3% ขณะที่หุ้นเซาท์เวส แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 3.9%
หุ้นทราเวลเลอร์ส คอมพานี ปรับตัวขึ้น 0.7% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 6.8% ในเดือนก.ค. โดยทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2014 และต่ำกว่าระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 6.0%
อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากทรงตัวในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค.