ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า ความรุนแรงของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ที่พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ได้ส่งผลให้บริษัทพลังงานหลายแห่งต้องปิดโรงกลั่นในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทส่งออกในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 372.29 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,079.75 จุด ลดลง 24.58 จุด หรือ -0.48% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,123.47 จุด ลดลง 44.47 จุด หรือ -0.37% ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการในวันจันทร์ที่ 28 ส.ค. เนื่องในวันหยุดธนาคารของอังกฤษ
หุ้นบริษัทที่ต้องพึ่งพาการส่งออกร่วงลง หลังจากสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้น โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู และหุ้นเดมเลอร์ ต่างก็ปรับตัวลง 0.2% หุ้นลอรีอัล ผู้ผลิตเครื่องสำอางชั้นนำของฝรั่งเศส ปรับตัวลง 0.4%
ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินยูโรแข็งค่านั้น เนื่องจากการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แต่อย่างใด หลังจากที่นักลงทุนคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เขาอาจระบุถึงการปรับลดวงเงิน QE
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ซึ่งพัดถล่มรัฐเท็กซัส โดยหุ้นโททาล บริษัทพลังงานของฝรั่งเศส ปรับตัวลง 0.4% โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ต้องปิดการดำเนินงานเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ รวมถึงบริษัทเอ็กซอน โมบิล ที่ประกาศปิดโรงกลั่นเบย์ทาวน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ และมีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบในปริมาณสูงถึง 584,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่บริษัทรอยัล ดัชท์ เชลล์ ได้ประกาศปิดโรงกลั่นเดียร์พาร์ค ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองฮุสตัน โดยโรงกลั่นแห่งนี้มีกำลังการกลั่น 285,000 บาร์เรล/วัน