ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 250 จุดในวันนี้ โดยปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการ จากความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เกาหลีเหนือทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการที่หน่วยงานของรัฐบาลอาจจะต้องปิดทำการ หากทำเนียบขาวไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้
ณ เวลา 00.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,735.68 จุด ลดลง 251.88 จุด หรือ 1.15%
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงหนักที่สุดในวันนี้ นับตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.
หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงนำตลาด ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
ราคาหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ทรุดตัวลง หลังบริษัทประกาศทุ่มเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อเข้าซื้อบริษัทร็อคเวลล์ คอลลินส์
บริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ด้านการบินและอวกาศ บรรลุข้อตกลงวงเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในการซื้อกิจการบริษัทร็อคเวลล์ คอลลินส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิต วัสดุตกแต่งภายในของธุรกิจการบิน
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์จะจับมือกับร็อคเวลล์ คอลลินส์ในการดำเนินธุรกิจด้านการบินและอวกาศ
ทั้งนี้ ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์นับเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของโบอิ้ง และแอร์บัส
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการเมื่อวานนี้ เนื่องในวันแรงงาน
สื่อของเกาหลีใต้รายงานในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือได้เริ่มเคลื่อนย้ายขีปนาวุธไปทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศ ซึ่งคาดว่าเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM)
รายงานระบุว่า จากการสำรวจพบว่า เกาหลีเหนือได้เคลื่อนย้ายขีปนาวุธดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวานนี้ และทำการเคลื่อนย้ายเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
ส่วนเมื่อวานนี้ กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือมีความพร้อมที่จะยิงขีปนาวุธ ICBM ครั้งใหม่
ก่อนหน้านี้ นายแฮร์รี่ คาเซียนิส ผู้อำนวยการฝ่ายสำนักศึกษาด้านการป้องกันประเทศของศูนย์พิทักษ์ผลประโยชน์แห่งชาติสหรัฐ ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจจะทำการทดลองยิงขีปนาวุธ ICBM ในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย.นี้ เพื่อเฉลิมฉลองวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หลังจากที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือเพิ่งทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยดำเนินการมา
นักวิเคราะห์ระบุว่า เดือนก.ย.มักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวย่ำแย่ และผันผวนที่สุดของปี เมื่อพิจารณาจากสถิติที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายเจฟฟ์ ซอต หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทเรย์มอนด์ เจมส์ กล่าวว่า ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงราว 1.09% ในเดือนก.ย.มากกว่า 40% ของช่วงที่ผ่านมา
นายซอตยังระบุว่า ช่วงเดือนส.ค.-พ.ย. มักเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับตลาดหุ้นในปีที่ลงท้ายด้วย 7
ดัชนี S&P 500 มักร่วงลงเฉลี่ย 0.5% ในเดือนก.ย.
ทางด้านนายสตีเวน เดอแซงติส นักวิเคราะห์หุ้นของบริษัทเจฟเฟอรีส์ กล่าวว่า "เดือนก.ย.ขึ้นชื่อว่าเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นปรับตัวได้ย่ำแย่ และปีนี้ก็จะไม่แตกต่างกัน โดยจะมีปัจจัยหลายประการที่รบกวนตลาด เช่น ความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรส, การประชุมของธนาคารกลางยุโรป และการที่ฝ่ายบริหารของบริษัทต่างๆเริ่มกลับจากการพักร้อน และทำการประเมินเกี่ยวกับผลประกอบการในไตรมาส 3 และ 4"
รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เผชิญปัญหาขัดแย้งกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกัน ก็จะส่งผลกระทบทำให้หน่วยงานของรัฐต้องปิดทำการ เนื่องจากรัฐบาลขาดแคลนงบประมาณในการบริหารประเทศ โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ระบุเตือนว่า สภาวะดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง
นักวิเคราะห์จับตาการกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ของนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้