ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) จากอานิสงส์การที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ภายหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงนโยบายการเงินตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะพิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ พร้อมกับแย้มว่าการตัดสินใจต่างๆอาจมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนต.ค.นี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 42.85 จุด หรือ +0.58% ปิดที่ 7,396.98 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างระมัดระวังในช่วงแรก เนื่องจากนักลงทุนรอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของ ECB ซึ่งผลก็เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด โดย ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% อันเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่าอาจมีการเพิ่มวงเงิน QE หรือขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE หากแนวโน้มเศรษฐกิจย่ำแย่ลง
นายดรากีกล่าวในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ว่า ECB จะตัดสินใจเกี่ยวกับวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ นอกจากนี้เขายังระบุด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ECB ดำเนินนโยบาย QE ต่อไป ขณะที่เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะกลาง
ภายหลังจากการแถลงข่าวของนายดรากีสิ้นสุดลง ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น +0.0416% แตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1.2059 ดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์ที่ระดับ 0.9184 ปอนด์ จากระดับ 0.9137 ปอนด์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันพุธ ทั้งนี้ยูโรโซนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร ซึ่งการแข็งค่าของยูโร ก็หมายความว่า สินค้าของอังกฤษจะถูกลงสำหรับผู้บริโภคในยูโรโซน ดังนั้นจึงเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออกของอังกฤษเมื่อคืนนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงตามทิศทางของหุ้นกลุ่มการเงินในยุโรป หลัง ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยหุ้นเอชเอสบีซี ลดลง 0.7% หุ้นบาร์เคลย์ส ลดลง 1% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 1.2% ขณะที่หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ลดลง 1.4%