ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) โดยดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีได้เป็นผลสำเร็จภายในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,158.18 จุด เพิ่มขึ้น 39.32 จุด หรือ +0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,498.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.89 จุด หรือ +0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,460.19 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด หรือ +0.09%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นซีดริลล์ ทะยานขึ้น 20% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ ขานรับรายงานล่าสุดของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งระบุว่า อุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกเริ่มปรับตัวลดลง พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกสำหรับทั้งปี 2560 ขึ้นสู่ระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ เพิ่มขึ้น 1.7%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้แสดงความมั่นใจว่า ปธน.ทรัมป์จะสามารถผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษี โดยในสัปดาห์หน้านี้จะมีการเปิดเผยกรอบเวลาในการปฏิรูปภาษี ซึ่งจะสะท้อนถึงฉันทามติของผู้ร่างแผนปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรส และรัฐบาลของปธน.ทรัมป์
ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลสหรัฐจะผลักดันการปฏิรูปภาษีให้ประสบผลสำเร็จภายในปีนี้ พร้อมกับเปิดเผยว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาให้การปฏิรูปภาษีมีผลบังคับย้อนหลังไปถึงช่วงต้นปีนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
หุ้นเซ็นทรีน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพของสหรัฐ พุ่งขึ้น 8% หลังจากเซ็นทีนบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการบริษัทฟิเดลิส แคร์ มูลค่า 3.75 พันล้านดอลลาร์
หุ้นนอร์ดสตรอม ห้าค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6% ขานรับแผนการระดมทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.8% เนื่องจากนักลงทุนมองว่า "ไอโฟนเท็น (iPhone X) " มีราคาแพง และการวางจำหน่ายในวันที่ 3 พ.ย.นั้น ถือว่าล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ นายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิล อิงค์ ประกาศเปิดตัว "ไอโฟนเท็น" เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 10 ปีของการผลิตไอโฟน โดยไอโฟนเท็นมีราคาตั้งต้นที่ 999 ดอลลาร์ และจะมีการวางจำหน่ายในวันที่ 3 พ.ย. อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การที่บริษัทแอปเปิลกำหนดเวลาการวางจำหน่ายไอโฟนเท็นในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งล่าช้ากว่าการวางจำหน่ายไอโฟน 8 และไอโฟน 8 พลัส จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลประกอบการในไตรมาส 4 ของแอปเปิล
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐซึ่งมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากขยับลง 0.1% ในเดือนก.ค. โดยการดีดตัวของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้น 9.5% ของราคาน้ำมันเบนซิน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน