ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 1.1% เมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) จากแรงกดดันของสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมาก ภายหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 84.31 จุด หรือ -1.14% ปิดที่ 7,295.39 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ โดย BoE มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันก็มีมติให้คงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่นล้านปอนด์
นอกจากนี้ รายงานการประชุมของ BoE ยังระบุด้วยว่า บรรดาผู้กำหนดนโยบายต่างเห็นว่า การถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินบางส่วนในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า น่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนส.ค. ให้ปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ของ BoE
ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นขานรับรายงานการประชุมของ BoE โดยสกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1.3399 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3206 ดอลลาร์ ซึ่งการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้ฉุดหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงจากแรงกดดันของข้อมูลภาคการผลิตที่น่าผิดหวังของจีน โดยหุ้นริโอ ทินโต ร่วงลง 3.4% และหุ้นเกลนคอร์ ร่วง 3.3%