ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ อย่างไรก็ตาม การที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกทะยานขึ้นขานรับรายงานยอดค้าปลีกที่สูงเกินคาดของอังกฤษนั้น ได้ลดช่วงลบของดัชนี FTSE 100 ในระหว่างวัน
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 3.30 จุด หรือ -0.05% ปิดที่ 7,271.95 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดได้ปัจจัยบวกบางส่วนจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นสถิติการขยายตัวที่ดีที่สุดในรอบ 4 เดือน และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคอังกฤษมีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้น
หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้าปรับตัวขึ้นขานรับรายงานดังกล่าว โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.4% และหุ้นเน็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.9%
ขณะที่หุ้นคิงฟิชเชอร์ พุ่งขึ้น 5.6% หลังบริษัทค้าปลีกชั้นนำดังกล่าวเปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในทิศทางที่สอดคล้องตามเป้าหมายปีที่สองของแผนปรับโครงสร้างระยะ 5 ปี พร้อมกับประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล ถึงแม้ว่าผลกำไรงวดครึ่งปีแรกของคิงฟิชเชอร์จะหดตัวลง 6% ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากการที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่อังกฤษเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ดีเกินคาด โดยค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1.3608 ดอลลาร์ ทั้งนี้การแข็งค่าของเงินปอนด์เมื่อคืนนี้ได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติ ยกเว้นหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจของ ONS
นักลงทุนในตลาดจับตาผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีการประกาศภายหลังจากที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการลงแล้ว