ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 382.88 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,600.03 จุด เพิ่มขึ้น 30.86 จุด หรือ +0.25% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,267.29 จุด เพิ่มขึ้น 25.63 จุด หรือ +0.49% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,263.90 จุด ลดลง 8.05 จุด หรือ -0.11%
หุ้นกลุ่มธนาคารได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐได้ส่งสัญญาณในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของเฟดจะมีขึ้นในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ เฟดยังประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ MBS ในเดือนต.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้นดอยซ์แบงก์ พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นโซซิเอเต เจเนอรัล (ซอคเจน) พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นบังโค ซานตานเดร์ ปรับตัวขึ้น 1.2% หุ้นยูนิเครดิต พุ่งขึ้น 2% หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ปรับขึ้น 1%
หุ้นไรอันแอร์ ปิดตลาดฟื้นตัวขึ้น 0.1% หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ สืบเนื่องมาจากการที่ไรอันแอร์ประกาศยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยทางบริษัทยอมรับว่าเกิดความสับสนในการจัดทำแผนวันหยุดของนักบิน
นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนีในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ขณะที่ผลการสำรวจของ Forsa ระบุว่า พรรค CDU/CSU ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เริ่มมีคะแนนนิยมแผ่วลง เมื่อเทียบกับพรรค Social Democratic (SPD) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของเยอรมนี
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า คะแนนนิยมของพรรค SPD ทรงตัวที่ระดับ 23% ขณะที่พรรค CDU/CSU มีคะแนนเสียงลดลง 1% โดยอยู่ที่ 36%