ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน ถึงแม้หุ้นกลุ่มธนาคารจะปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า ภายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้และเตรียมปรับลดขนาดงบดุลบัญชีของเฟดในเดือนหน้า
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 8.05 จุด หรือ -0.11% ปิดที่ 7,263.90 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดได้รับปัจจัยบางส่วนจากแถลงการณ์ของที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเฟดระบุว่าจะเดินหน้าปรับลดงบดุลบัญชี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังส่งสัญญาณเตรียมพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้ และอาจขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งหมายความว่า ต้นทุนการกู้ยืมของสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเพื่อธุรกิจ จะเพิ่มสูงขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับถ้อยแถลงของเฟด โดยหุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ขยับขึ้น 0.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงตามทิศทางของราคาแร่โลหะที่ถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ภายหลังจากเฟดได้เปิดเผยแถลงการณ์เมื่อวันพุธ โดยหุ้นเฟรสนิลโล ผู้ผลิตแร่ทองคำรายใหญ่ ร่วงลง 2.2% หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ร่วง 2.3% หุ้นแอนโตฟากาสตา ร่วงลง 2.3% และหุ้นริโอ ทินโต ลดลง 1.2%