ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนลบในวันนี้ โดยนักลงทุนปรับตัวรับผลการเลือกตั้งในเยอรมนี ขณะจับตาความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาดในวันนี้
ณ เวลา 20.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 22,336.27 จุด ลดลง 14.98 จุด หรือ 0.07%
หากดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลงในวันนี้ จะเป็นการร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการ โดยครั้งล่าสุดที่ดาวโจนส์อ่อนตัวลง 3 วันติดต่อกัน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8-10 ส.ค.
ทั้งนี้ พรรคพันธมิตรของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้อย่างเด็ดขาด โดยได้จำนวนเก้าอี้ในสภาเพียง 33% จากเดิมในปี 2013 ซึ่งกวาดที่นั่งได้ถึง 41.5% โดยผลการเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดของพรรคพันธมิตรของนางแมร์เคิล นับตั้งแต่ปี 1949
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี
กระทรวงกลาโหมสหรัฐออกแถลงการณ์ระบุว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B Lancer และเครื่องบินขับไล่ F-15C Eagle ของกองทัพอากาศสหรัฐ ได้บินผ่านน่านฟ้าระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเกาหลีเหนือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
แถลงการณ์ระบุว่า เครื่องบินเหล่านี้ได้บินไปยังเขตปลอดทหารในจุดที่อยู่เหนือที่สุดเท่าที่เครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐได้เคยบินผ่านในช่วงศตวรรตที่ 21
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นสวนทางตลาดวันนี้ หลังราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 51 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันระบุว่าตลาดน้ำมันโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล
ณ เวลา 20.27 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หรือ 1.14% สู่ระดับ 51.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 744 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระบุว่าได้ให้ความร่วมมือ 100% สำหรับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ขณะที่ไนจีเรียเปิดเผยว่าได้ผลิตน้ำมันในปริมาณต่ำกว่าที่ได้ระบุไว้ในข้อตกลง
นายบิล ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัจจัยที่กดดันอัตราเงินเฟ้อกำลังลดน้อยลง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก และนายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขานินเนอาโพลิส ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้