ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโร หลังจากผลการเลือกตั้งเยอรมนีระบุว่า พรรคพันธมิตรของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้อย่างเด็ดขาด ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เกาหลีเหนือ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.03% ปิดที่ 384.03 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,268.76 จุด เพิ่มขึ้น 1.63 จุด หรือ +0.03% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,605.20 จุด เพิ่มขึ้น 10.39 จุด หรือ +0.08% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,285.74 จุด ลดลง 15.55 จุด, -0.21%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลเงินยูโรที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากพรรคพันธมิตรของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้อย่างเด็ดขาดในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยได้จำนวนเก้าอี้ในสภาเพียง 33% จากเดิมในปี 2013 ซึ่งกวาดที่นั่งได้ถึง 41.5% โดยผลการเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดของพรรคพันธมิตรของนางแมร์เคิล นับตั้งแต่ปี 1949
หุ้นเนสท์เล่ พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทประกาศแผนเพิ่มการซื้อคืนหุ้น พร้อมกับยืนยันเป้าหมายการเติบโตของบริษัทในปี 2563
หุ้นคาร์นิวัล ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเรือสำราญ พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งเกินคาด
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐได้มีการ "เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่" ในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อเกาหลีเหนือ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น เพื่อรับมือกับประเด็นนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอบโต้นายรี ยอง โฮ รมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือที่ออกมากล่าวอ้างเมื่อเร็วๆนี้ว่า สหรัฐได้ประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือ และเกาหลีเหนือมีสิทธิที่จะยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ แม้ว่าเครื่องบินเหล่านั้นไม่ได้บินเหนือน่านฟ้าของเกาหลีเหนือก็ตาม